×
แชทกับหน่วยงาน
เทศบาลตำบลเลิงนกทา
ยินดีให้บริการค่ะ....
 
เทศบาลตำบลเลิงนกทา call ข้อมูลการติดต่อ
ยินดีต้อนรับ เข้าสู่เว็บไซต์ เทศบาลตำบลเลิงนกทา อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร
spa ฐานข้อมูลภูมิปัญญาท้องถิ่น
ภูมิปัญญา ด้านอาหาร การทำปลาส้ม
ปราชญ์ชาวบ้านด้านอาหารพื้นบ้าน คุณยายทองร้อย พลเทพ ชาวบ้านชุมชนเกษมสุข ปลาส้มเป็นผลิตภัณฑ์จากปลาน้ำจืดที่นำมาหมักทั้งตัวหรือเอาเฉพาะเนื้อร่วมกับข้าวนึ่งสุก และกระเทียม จนได้ผลิตภัณฑ์ปลาส้มที่มีรสเปรี้ยว เนื้อปลานุ่ม มีกลิ่นหอม นิยมรับประทานกันในทุกภาค การผลิตปลาส้ม เป็นการถนอมอาหารจากภูมิปัญญาพื้นบ้านที่สืบทอดกันมายาวนาน ซึ่งปัจจุบันแพร่กระจายทำในทุกภาค และต่างมีสูตรที่แตกต่างกัน ทั้งการเลือกใช้ชนิดปลา และส่วนผสม จนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ปลาส้มหลายแบบในแต่ละท้องถิ่น โดยปลาที่นิยมใช้ทำปลาส้ม ได้แก่ – ปลาตะเพียน (นิยมมากที่สุด) – ปลานวลจันทร์ – ปลายี่สก – ปลาเทโพ – ปลาสร้อย – ปลากราย – ปลาจีน – ฯลฯ วัตถุดิบทำปลาส้ม 1. ปลา ปลาที่ใช้ทำปลาส้มจะเป็นปลาน้ำจืด (ปลาทะเลก็ทำได้เช่นกัน) โดยอาจเป็นปลามีเกล็ดหรือไม่มีเกล็ดก็ได้ แต่ทั่วไปนิยมใช้ปลาที่ลำตัวแบนหรือค่อยข้างแบน ให้เนื้อมาก เนื้อติดมันเป็นบางส่วน เนื้อปลาเหนียว ไม่ยุ่ยง่าย และมีสีขาวอมชมพู ได้แก่ ปลาตะเพียน ปลานวลจันทร์ ปลาเทโพ ปลายี่สก และปลากราย เป็นต้น 2. เกลือ เกลือ อาจใช้เป็นเกลือสมุทรหรือเกลือสินเธาว์ (เกลือเหมือง) แต่ปัจจุบัน นิยมใช้เกลือสินเธาว์มากที่สุด เพราะหาได้ง่าย และราคาถูก เกลือที่ใช้ทำหน้าที่ยับยั้งการเติบโตของจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดการเน่า แต่ไม่มีผลต่อจุลินทรีย์ที่ทนเค็มได้ดี โดยเฉพาะจุลินทรีย์ประเภทผลิตกรด นอกจากนั้น ยังทำหน้าที่รักษาเนื้อสัมผัส และเพิ่มรสเค็มให้แก่เนื้อปลา 3. ข้าวเหนียวนึ่ง และน้ำซาวข้าว ข้าวเหนียวนึ่ง และน้ำซาวข้าว ถือเป็นแหล่งแป้งหรือแหล่งอาหารที่สำคัญของจุลินทรีย์ประเภทผลิตกรด หากไม่ใส่จะทำให้เกิดความเปรี้ยวน้อยหรือเนื้อปลาจะไม่มีรสเปรี้ยวเลย เพราะจุลินทรีย์ประเภทผลิตกรดจะมีน้อยตามมา นอกจากนั้น ข้าวเหนียวนึ่ง และน้ำซาวข้าวยังทำหน้าที่ช่วยดับกลิ่นคาวปลาร่วมด้วยเมื่อจุลินทรีย์ย่อยแป้ง และผลิตกรดออกมา แล้วซึมผ่านเข้าสู่เนื้อปลาจะทำให้เนื้อปลามีรสเปรี้ยว ยิ่งหมักไว้นานความเปรี้ยวจะเพิ่มขึ้นเรื่อย และจะหยุดเปรี้ยวจนกว่าจุลินทรีย์ย่อยแป้งจนหมด ดังนั้น ความเปรี้ยว และระยะเวลาที่ทำให้เนื้อปลาเปรี้ยวจะขึ้นอยู่กับปริมาณข้าวนึ่งที่ใส่ และระยะการหมักทิ้งไว้ 4. กระเทียม กระเทียม เป็นวัตถุดิบที่ทำให้หน้าที่ยับยั้งจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดการเน่า แต่ไม่มีผลต่อจุลินทรีย์ผลิตกรด ทำให้จุลินทรีย์ผลิตกรดเติบโตได้รวดเร็ว นอกจากนั้น ยังทำหน้าที่ช่วยปรับปรุงเนื้อสัมผัส ช่วยเพิ่มกลิ่นหอม ดับกลิ่นคาวปลา และเพิ่มรสเผ็ดเวลารับประทาน 5. ส่วนผสมอื่นๆ เช่น น้ำตาล และเครื่องปรุงรสต่างๆ จะทำหน้าที่ปรับปรุงรสชาติ และปรับปรุงเนื้อสัมผัสของเนื้อปลาได้ดียิ่งขึ้น วิธีทำปลาส้ม วัตถุดิบ 1. เนื้อปลาหรือตัวปลา 10-20 กิโลกรัม 2. กระเทียมสับ 1 กิโลกรัม 3. ข้าวเหนียวนึ่ง 1 กิโลกรัม 4. น้ำซาวข้าว 0.5 ลิตร (อาจไม่ใช้ก็ได้) 5. เกลือ 300 กรัม (ประมาณ 1 กำมือ) 6. น้ำตาล 5-10 ช้อน 7. ผงชูรส 2-3 ช้อน ขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบ 1. ขอดเกล็ด และควักไส้ ก่อนล้างทำความสะอาด 1-2 น้ำ – ปลาส้มตัว หลังจากขอดเกล็ด ควักไส้ และล้างทำความสะอาด อาจตัดหัวออกหรือไม่ต้องตัดหัวก็ได้ – ปลาส้มแผ่น ให้แล่เอาเนื้อปลาออกจากกระดูกเป็นแผ่นๆ จากนั้นเลาะเอาก้างขนาดใหญ่ออก หรือไม่ต้องเลาะเอาก้างขนาดใหญ่ออกก็ได้ – ปลาส้มชิ้น/ปลาส้มสับ ให้นำแผ่นปลาที่เลาะออกจากก้างมาสับเป็นชิ้นๆขนาดใหญ่ แต่ขนาดเล็กกว่าปลาส้มแผ่น ซึ่งอาจเลาะเอาก้างขนาดใหญ่ออกหรือไม่เอาออกก็ได้ – ปลาส้มฟัก/ปลาส้มบด หมายถึง หลังแล่เนื้อปลา ให้เลาะเอาก้างขนาดใหญ่ออก ก่อนสับหรือบดเนื้อปลาให้ละเอียดหรือเป็นชิ้นเล็กๆ – ปลาส้มเส้น หมายถึง หลังแล่เนื้อปลาออกเป็นแผ่น ให้เลาะเอาก้างขนาดใหญ่ออก ก่อนสับเป็นชิ้นเรียวยาวหรือเฉือนเป็นเส้นๆ 2. นำกระเทียมมาปอกเปลือก ตำโขลกหรือบดให้เป็นชิ้นเล็กๆ 3. นำข้าวเหนียวมานึ่งให้สุก ขั้นตอนการผสมวัตถุดิบ 1. นำเนื้อปลาหรือตัวปลามาคลุกผสมกับวัตถุดิบที่เตรียมไว้ในชามขนาดใหญ่ ได้แก่ กระเทียม ข้าวเหนียวนึ่งหรือน้ำซาวข้าว เกลือ และน้ำตาล โดยการคลุกพร้อมกับขยำด้วยมือ นาน 10-20 นาที 2. นำปลาที่คลุกกับส่วนผสมแล้วใส่กระปุก ก่อนปิดฝาให้สนิท หรือ บรรจุใส่ถุงพลาสติก 3. สำหรับปลาส้มสับ นิยมปั้นเป็นก้อน ก่อนนำมาห่อด้วยใบตอง หรือ ใส่ถุงพลาสติก ก่อนใช้ท่อนไม้กลมรีดให้เป็นแผ่น แล้วรัดด้วยหนังยาง 4. นำภาชนะหมักปลาส้มตั้งทิ้งไว้ในร่ม นาน 3-4 วัน ก็พร้อมรับประทาน ทั้งนี้ หากเป็นฤดูร้อนจะเป็นปลาส้มได้เร็ว ประมาณ 2-3 วัน แต่หากเป็นฤดูหนาวอาจนานถึง 5-7 วัน แล้วนำมาทอด การเก็บรักษาปลาส้ม ปลาส้มที่หมักจนได้รสเปรี้ยวเหมาะแก่การรับประทานแล้ว หากเก็บไว้ในอุณหภูมิห้องหรือวางไว้ในตู้กับข้าวจะเก็บได้นาน 1-3 วัน ขึ้นอยู่กับความร้อนของอากาศ หลังจากนั้น จะเปรี้ยวมาก ไม่เหมาะรับประทาน แต่หากเก็บไว้ในตู้เย็นประมาณ 8-10 ºC จะเก็บได้นาน 3-4 สัปดาห์ หากเก็บในช่องแช่แข็งจะเก็บได้นานประมาณ 3 เดือน
ภูมิปัญญาการนวดแผนไทย
ปราชญ์ชาวบ้านด้านการนวดแผนไทย นางน้อย พิมพ์หาญ ชาวบ้านชุมชนเลิงนกทา วิธีการนวดแผนโบราณขั้นพื้นฐาน-นวดขาและเท้า ท่าที่ 1 "ลูบเท้า" ช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเท้า ลดอาการเคล็ดขัดยอกข้อนิ้วเท้า ข้อเท้า ส้นเท้า • วิธีการนวด ให้ผู้ถูกนวดนอนหงายราบกับพื้นหรือที่นอน ใช้หมอนหนุนรองศีรษะ เหยียดขาตรงปล่อยขาตามสบาย หรืออาจจะใช้หมอนรองใต้หัวเข่าเพิ่มก็ได้ ผู้นวดใช้มือทั้งสองประสานกันไว้ โดยให้มือซ้ายอยู่บนปลายนิ้วเท้าด้านบนใกล้ข้อเท้าขวาของผู้ถูกนวด มือขวาอยู่ใต้ปลายนิ้วเท้าด้านล่างใกล้ส้นเท้า ลูบขึ้นไปอย่างช้า ๆ ออกแรงกดและลูบสม่ำเสมอ ลูบจากส้นเท้าและข้อเท้าไล่ขึ้นมาจนถึงปลายนิ้วเท้า ทำสลับไปมาแล้วจึงเปลี่ยนเป็นท่าต่อไป ท่าที่ 2 "คลึงเท้า" ช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อฝ่าเท้า ลดอาการเคล็ดขัดยอกข้อนิ้วเท้า • วิธีการนวด ให้ผู้ถูกนวดนอนหงายราบกับพื้นหรือที่นอน ใช้หมอนหนุนรองศีรษะ เหยียดขาตรงปล่อยขาตามสบาย หรืออาจจะใช้หมอนรองใต้หัวเข่าเพิ่มก็ได้ ผู้นวดใช้มือทั้งสองประสานกันไว้ โดยให้มือซ้ายอยู่บนหลังเท้าด้านขวาของผู้ถูกนวด มือขวาอยู่ใต้ฝ่าเท้า โดยออกแรงคลึงอย่างสม่ำเสมอ ให้คลึงขึ้นลงจนทั่วเท้า ทำสลับไปมาแล้วจึงเปลี่ยนเป็นท่าต่อไป ท่าที่ 3 "ลูบและคลึงเท้า" ช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเท้า ลดอาการเคล็ดขัดยอกข้อนิ้วเท้า • วิธีการนวด ให้ผู้ถูกนวดนอนหงายราบกับพื้นหรือที่นอน ใช้หมอนหนุนรองศีรษะ เหยียดขาตรงปล่อยขาตามสบาย หรืออาจจะใช้หมอนรองใต้หัวเข่าเพิ่มก็ได้ ผู้นวดใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองลูบไล่ลงมาตามร่องกระดูกเท้าด้านขวาของผู้ถูกนวด ที่อยู่ระหว่างนิ้วก้อยกับนิ้วนางและนิ้วหัวแม่เท้ากับนิ้วชี้ โดยลูบขึ้นไปจนถึงข้อเท้า ออกแรงกดสม่ำเสมอ แล้วให้คลึงกลับลงมาถึงโคนนิ้วเท้า ลูบขึ้นไปแล้วคลึงลงมาใหม่ ทำสลับไปมาแล้วจึงเปลี่ยนเป็นท่าต่อไป ท่าที่ 4 "คลึงข้อเท้า" ช่วยลดอาการเคดขัดยอกข้อเท้า • วิธีการนวด ให้ผู้ถูกนวดนอนหงายราบกับพื้นหรือที่นอน ใช้หมอนหนุนรองศีรษะ เหยียดขาตรงปล่อยขาตามสบาย หรืออาจจะใช้หมอนรองใต้หัวเข่าเพิ่มก็ได้ ผู้นวดใช้นิ้วกลาง นิ้วนางและนิ้วก้อยทั้งสองมือวางไว้ใต้ตาตุ่มเท้าขวาของผู้ถูกนวด ให้มือซ้ายอยู่ที่ตาตุ่มด้านนอก มือขวาอยู่ตาตุ่มด้านใน โดยคลึงรอบ ๆ ตาตุ่มให้ออกแรงคลึงสม่ำเสมอ คลึงสักครู่แล้วจึงเปลี่ยนเป็นท่าต่อไป ท่าที่ 5 "บิดเท้า" ช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเท้า ลดอาการปวดตึงเอ็นร้อยหวาย • วิธีการนวด ให้ผู้ถูกนวดนอนหงายราบกับพื้นหรือที่นอน ใช้หมอนหนุนรองศีรษะ เหยียดขาตรงปล่อยขาตามสบาย หรืออาจจะใช้หมอนรองใต้หัวเข่าเพิ่มก็ได้ ผู้นวดใช้มือจับที่เท้าขวาของผู้ถูกนวดหมุนข้อเท้าออก ใช้มือซ้ายอ้อมส้นเท้ามาจับที่เอ็นร้อยหวาย มือขวาจับเอ็นร้อยหวายข้างฝ่าเท้า ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้ายกดลง นิ้วหัวแม่มือขวาดันขึ้น ดันขึ้นลง แล้วเลื่อนมือบิดไปตลอดแนวของเส้นเอ็น ทำสลับไปมาแล้วจึงเปลี่ยนเป็นท่าต่อไป ท่าที่ 6 "ดึงเท้า" ช่วยลดอาการปวดเมื่อยเท้าและฝ่าเท้า ลดอาการเคล็ดขัดยอกเท้าหรือเป็นตะคริว • วิธีการนวด ให้ผู้ถูกนวดนอนหงายราบกับพื้นหรือที่นอน ใช้หมอนหนุนรองศีรษะ เหยียดขาตรงปล่อยขาตามสบาย ผู้นวดใช้มือทั้งสองข้างจับที่เท้าขวาของผู้ถูกนวด โดยให้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างอยู่บนหลังเท้าและนิ้วที่เหลือจับที่ฝ่าเท้า ออกแรงดึงและใช้โคนนิ้วหัวแม่มือทั้งสองกดน้ำหนักลง ส่วนนิ้วที่เหลือที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าออกแรงดึงให้ฝ่าเท้าห่อเข้าหากัน แล้วคลายออก ทำสลับไปมาสักครู่แล้วจึงเปลี่ยนเป็นท่าต่อไป ท่าที่ 7 "ดึงนิ้วเท้า" ช่วยลดอาการปวดเมื่อยนิ้วเท้า ลดอาการเคล็ดขัดยอกนิ้วเท้าหรือนิ้วเท้าติดขัด • วิธีการนวด ให้ผู้ถูกนวดนอนหงายราบกับพื้นหรือที่นอน ใช้หมอนหนุนรองศีรษะ เหยียดขาตรงปล่อยขาตามสบาย ผู้นวดใช้มือซ้ายจับที่เท้าขวาของผู้ถูกนวดไว้ไม่ให้เคลื่อนไหว ใช้นิ้วขวาคลึงแล้วดึงนิ้วเท้าทีละนิ้ว เริ่มจากนิ้วหัวแม่เท้าไล่มาจนครบ โดยคลึงนิ้วเท้าจากโคนนิ้วถึงเล็บเท้าแล้วออกแรงดึงให้เต็มที่ มือซ้ายจะจับยึดเท้าให้แน่นแล้วจึงเปลี่ยนเป็นท่าต่อไป ท่าที่ 8 "กดนิ้วเท้า" ช่วยลดอาการปวดเมื่อยเท้า ลดอาการเคล็ดขัดยอกจากการเดินหรือวิ่ง • วิธีการนวด ให้ผู้ถูกนวดนอนหงายราบกับพื้นหรือที่นอน ใช้หมอนหนุนรองศีรษะ เหยียดขาตรงปล่อยขาตามสบาย ผู้นวดใช้มือจับเท้าขวาของผู้ถูกนวดวางซ้อนทับเท้าซ้ายโดยให้ปลายนิ้วซ้อนกัน ผู้นวดใช้มือทั้งสองวางคว่ำลงซ้อนกัน แล้วออกแรงกดที่ปลายเท้าและนิ้วเท้าของผู้ถูกนวด แขนเหยียดตรง กดน้ำหนักลงที่มือทั้งสองข้าง โดยเริ่มจากเบา ๆ แล้วจึงค่อยเพิ่มน้ำหนัก กดแล้วคลาย ทำสักครู่แล้วจึงเปลี่ยนเป็นเท้าซ้ายวางทับเท้าขวา แล้วทำตามขั้นตอนดังกล่าว จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นท่าต่อไป ท่าที่ 9 "ดัดนิ้วเท้า" ช่วยลดอาการปวดเมื่อยเท้า ลดอาการเคล็ดขัดยอกจากการเดินหรือวิ่ง • วิธีการนวด ให้ผู้ถูกนวดนอนหงายราบกับพื้นหรือที่นอน ใช้หมอนหนุนรองศีรษะ เหยียดขาตรงปล่อยขาตามสบาย ผู้นวดใช้มือขวาจับนิ้วเท้าทั้งห้าของผู้ถูกนวดเท้าขวา และใช้มือซ้ายจับนิ้วเท้าทั้งห้าของผู้ถูกนวดเท้าซ้าย แล้วออกแรงกดที่โคนนิ้วเท้าของผู้ถูกนวดพร้อมดัดนิ้วเท้าให้เอนไปจนสุดโดยให้นิ้วเท้าตึง โดยใช้สันมือกดเท้า ให้แขนเหยียดตรง กดน้ำหนักลงที่สันมือทั้งสองข้าง โดยเริ่มจากเบา ๆ แล้วจึงค่อยเพิ่มน้ำหนัก กดแล้วคลาย ทำสักครู่แล้วจึงเปลี่ยนเป็นท่าต่อไป ท่าที่ 10 "สับขาส่วนล่าง" ช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อขาส่วนล่าง • วิธีการนวด ให้ผู้ถูกนวดนอนหงายราบกับพื้นหรือที่นอน ใช้หมอนหนุนรองศีรษะ เหยียดขาตรงปล่อยขาตามสบายหรืออาจจะใช้หมอนรองใต้หัวเข่าเพิ่มก็ได้ ผู้นวดใช้มือทั้งสองข้างวางไว้ที่ใต้เข่าขวาของผู้ถูกนวด โดยให้มือทั้งสองข้างตั้งขึ้น นิ้วหัวแม่มืออยู่ด้านบนสันมือด้านนิ้วก้อยสัมผัสกับส่วนที่นวด สับมือที่ละข้างสลับไปมา เริ่มจากใต้หัวเข่าขวาด้านในไล่ลงมาจนถึงข้อเท้า ให้สับขวางกล้ามเนื้อขา ทำสลับไปมาจากใต้หัวเข่าขวาด้านในไล่ลงมาจนถึงข้อเท้าแล้วจึงเปลี่ยนเป็นท่าต่อไป ท่าที่ 11 "สับขาส่วนบน" ช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อขาส่วนบน • วิธีการนวด ให้ผู้ถูกนวดนอนหงายราบกับพื้นหรือที่นอน ใช้หมอนหนุนรองศีรษะ เหยียดขาตรงปล่อยขาตามสบายหรืออาจจะใช้หมอนรองใต้หัวเข่าเพิ่มก็ได้ ผู้นวดใช้มือทั้งสองข้างวางไว้ที่ใต้เข่าขวาของผู้ถูกนวด โดยให้มือทั้งสองข้างตั้งขึ้น นิ้วหัวแม่มืออยู่ด้านบนสันมือด้านนิ้วก้อยสัมผัสกับส่วนที่นวด สับมือที่ละข้างสลับไปมา เริ่มจากโคนขาขวาด้านในไล่ลงมาจนถึงเหนือเข่า ให้สับขวางกล้ามเนื้อขา ทำสลับไปมาจากโคนขาขวาด้านในไล่ลงมาจนถึงเหนือเข่าแล้วจึงเปลี่ยนเป็นท่าต่อไป ท่าที่ 12 "คลึงขาส่วนล่าง" ช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อน่องและขาส่วนล่าง • วิธีการนวด ให้ผู้ถูกนวดนอนหงายราบกับพื้นหรือที่นอน ใช้หมอนหนุนรองศีรษะ เหยียดขาตรงปล่อยขาตามสบาย ผู้นวดใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างวางลงบนกล้ามเนื้อขาด้านในต่ำลงมาจากหัวเข่า โดยออกแรงคลึงที่นิ้วหัวแม่มือเป็นรูปก้นหอยลงมาตามแนวกล้ามเนื้อลงมาจนถึงข้อเท้า ทำสลับไปมาจากใต้หัวเข่าขวาด้านในไล่ลงมาจนถึงข้อเท้าแล้วจึงเปลี่ยนเป็นท่าต่อไป ท่าที่ 13 "คลึงหัวเข่า" ช่วยลดอาการปวดเมื่อยเข่า ลดอาการเคล็ดขัดยอกเข่า • วิธีการนวด ให้ผู้ถูกนวดนอนหงายราบกับพื้นหรือที่นอน ใช้หมอนหนุนรองศีรษะ เหยียดขาตรงปล่อยขาตามสบาย ผู้นวดใช้ปลายนิ้วทั้งสี่ วางมือทั้งสองข้างที่บริเวณหัวเข่าขวาของผู้ถูกนวด ใช้ปลายนิ้วทั้งสี่คลึงรอบ ๆ กระดูกสะบ้าโดยให้หมุนเป็นวงกลมรอบ ๆ หมุนโดยไม่ต้องยกนิ้วขึ้นระหว่างการนวด ทำสักครู่แล้วจึงเปลี่ยนเป็นท่าต่อไป ท่าที่ 14 "คลึงต้นขา" ช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อต้นขา ช่วยให้โลหิตไหลเวียนบริเวณต้นขาได้ดี • วิธีการนวด ให้ผู้ถูกนวดนอนหงายราบกับพื้นหรือที่นอน ใช้หมอนหนุนรองศีรษะ งอเข่าข้างขวาขึ้น ผู้นวดใช้มือขวาจับที่หัวเข่าข้างขวาของผู้ถูกนวด ใช้มือซ้ายคลึงกล้ามเนื้อด้านนอกจากบริเวณใต้สะโพกไล่ลงมาจนถึงด้านข้างเข่าขวา ออกแรงคลึงมาก ๆ หนัก ๆ เพราะกล้ามเนื้อส่วนนี้จะเชื่อมต่อกับเส้นเอ็นที่เหนียวมาก คลึงสลับไปมาแล้วจึงเปลี่ยนเป็นท่าต่อไป ท่าที่ 15 "บิดต้นขาด้านใน" ช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อต้นขา • วิธีการนวด ให้ผู้ถูกนวดนอนหงายราบกับพื้นหรือที่นอน ใช้หมอนหนุนรองศีรษะ งอขาเล็กน้อย ผู้นวดใช้มือทั้งสองข้างบีบกล้ามเนื้อขาด้านในข้างขวาของผู้ถูกนวด โดยวางมือให้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองหันเข้าหากันและใช้แรงดันให้หัวเข่าเอียงไปทางด้านขวาเล็กน้อย บิดและยกกล้ามเนื้อขึ้น โดยบิดขึ้นบิดลงทำสลับไปมาไล่จากเหนือเข่าด้านในจนถึงโคนขาด้านใน แล้วจึงเปลี่ยนเป็นท่าต่อไป ท่าที่ 16 "บิดต้นขาด้านนอก" ช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อต้นขา • วิธีการนวด ให้ผู้ถูกนวดนอนหงายราบกับพื้นหรือที่นอน ใช้หมอนหนุนรองศีรษะ งอขาเล็กน้อย ผู้นวดใช้มือทั้งสองข้างบีบกล้ามเนื้อขาด้านนอกข้างขวาของผู้ถูกนวด โดยวางมือให้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองหันเข้าหากัน และใช้แรงดันให้หัวเข่าเอียงไปทางด้านซ้ายเล็กน้อย บิดและยกกล้ามเนื้อขึ้น โดยบิดขึ้นบิดลงทำสลับไปมาไล่จากเหนือเข่าด้านนอกจนถึงโคนขาด้านนอก แล้วจึงเปลี่ยนเป็นท่าต่อไป ท่าที่ 17 "กดข้อเท้า" ช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อขาและหลัง • วิธีการนวด ให้ผู้ถูกนวดนอนคว่ำราบกับพื้นหรือที่นอน ใช้หมอนแบนวางใต้ลำตัวช่วงท้อง ให้ปลายเท้าทั้งสองข้างเลยพ้นขอบเตียง ผู้นวดใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างกดเบา ๆ ที่กึ่งกลางระหว่างเอ็นร้อยหวายกับตาตุ่ม ที่เท้าทั้งสองของผู้ถูกนวด จากนั้นค่อย ๆ เพิ่มแรงกดค้างไว้ประมาณ 5 วินาที แล้วคลายทำสลับไปมาแล้วจึงเปลี่ยนเป็นท่าต่อไป ท่าที่ 18 "กดขา" ช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อน่องและขา • วิธีการนวด ให้ผู้ถูกนวดนอนคว่ำราบกับพื้นหรือที่นอน ใช้หมอนแบนวางใต้ลำตัวช่วงท้อง ให้ปลายเท้าทั้งสองข้างเลยพ้นขอบเตียง ผู้นวดใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างกดเบา ๆ ที่กล้ามเนื้อเหนือข้อเท้าทั้งสองข้างของผู้ถูกนวด กดไล่มาจนถึงกล้ามเนื้อน่อง เว้นข้อพับบริเวณน่อง กดจนถึงโคนขาบริเวณใต้สะโพก โดยออกแรงกดเบา ๆ จากนั้นค่อย ๆ เพิ่มแรงกด กดค้างไว้ประมาณ 5 วินาที แล้วคลายทำสลับไปมา
ภูมิปัญญาด้านดนตรีไทย
ปราชญ์ชาวบ้านด้านดนตรีไทย การเล่นพิณ นายมนตรี พิมพ์หาญ ชาวบ้านชุมชนเลิงนกทา วิธีจับพิณ ผู้ดีดพิณสามารถนั่งหรื่อยืนดีดก็ได้ ท่านั่งควรวางตัวพิณไว้ขาขวาหรือขาซ้ายที่ถนัด สามารถนั่งได้หลายแบบ เช่น นั่งขัดสมาธิ นั่งพับเพียบ ตามแต่ผู้ที่ดีดถนัด การกำมือซ้ายที่ คอพิณ ควรกำอย่างหลวม เพื่อสามารถเคลื่อนย้ายนิ้วไปตามคอพิณได้สะดวก โดยใช้หัวแม่มือซ้ายซ้ายการวางนิ้ว การวางนิ้วบนคอพิณ ผู้ดีดควรใช้นิ้วชิ้ในขั้นหรือช่องคอพิณ ที่ 1 – 2 นิ้วกลางขั้นที่ 3 นิ้วนาง ขั้นที่ 4 หรือใช้นิ้วก้อยก็ได้ครับวิธีดีดพิณ 1.ผู้ดีดสามารถนั่งดีดหรือยืนดีดก็ได้ ท่านั่งควรวางตัวพิณไว้บนขาขวา ( ถ้าถนัดซ้ายก็วางไว้ขาซ้าย ) 2. งอข้อศอกขวาเล็กน้อยแขนขวาวางบนขอบตัวพิณ มือขวาที่ใช้ดีด จับปิ๊กด้วยนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ หรือแล้วแต่ ( บางคนใช้นิ้วกลางแทนนิ้วชี้ ) 3. เอียงคอพิณให้ทำมุมประมาร 30 – 70 องศา 4. ฝึกใช้ข้อมือเคลื่อนไหวจับปิ๊กดีดสายเปล่า สาย 1 – 2 – 3 ขึ้นลง สลับกันไปมา จากช้าแล้วค่อยๆ เร็วขึ้นจนเกิดความคล่องตัว 5. เมื่อมือซ้ายทำหน้าที่เคลื่อนย้ายไปตามตำแหน่งคอพิณ โดยใช้หัวแม่มือวางบนคอพิณ นิ้วชี้ – นิ้วกลาง – นิ้วนาง – นิ้วก้อย กดปลายนิ้วลงบนสายพิณ การกดสายควรกดเบาๆ เหนือขั้นเสียงเล็กน้อยเพื่อเสียงที่ออกมาจะไม่เพียน 6. การดีดสายให้เสียงรัวหรือ กรอเสียง คือการดีด ขึ้นลงสลับกันโดยใช้ข้อมือสบัดให้เร็วที่สุด ( เคราะหนึ่งจังหวะให้ดีดสลับขึ้นลง 8 ครั้ง )คือจังหวะยกหรือตก 7. ตำแหน่งที่ดีดสายควรดีดสายบริเวณรูเสียง เพื่อให้เสียงกังวาน 8. การจับปิ๊กใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้จับ บางคนถนัดใช้นิ้วกลางแทนนิ้วชี้ก็ได้ ไม่ควรจับปิ๊กแน่นหรือเบาเกินไป เพื่อไม่ให้ป๊กหลุดมือขณะดีด 9. การดีดพิณตามโน๊ตเพลงใช้วิธีการอ่านแบบเดียวกับโน๊ตโปงลาง คือ ดีด 1 2 3 4 ขึ้น ลง ขึ้น ลง ม ม ม ม สาย 1 สายเปล่าสรุปได้ว่า ดีดขึ้นจังหวะที่ 1 และ 3 ดีดลงจังหวะที่ 2 และ 4 การดีดเสียงให้ชัดเจนให้ใช้ปลายนิ้วกดให้ชิดด้านซ้ายขั้นพิณให้แน่น จึงดีดสายบริเวณรูเสียง เสียงที่ได้จะชัดเจนการฝึกดีดพิณเบื้องต้น ฝึกดีดสายเปล่าสายที่ 1 เสียง มีแบบฝึกสี่แบบคือ ( ขึ้น ลง ชึ้น ลง ) ( – ขึ้น – ขึ้น ) ( – ลง – ลง ) ( ขึ้น ลง – – ) เครื่องหมาย( – ) ไม่ต้องดีด แต่ให้นับ หนึ่งจังหวะ หรือเคราะหนึ่งครั้ง ครับ ให้ฝึกแต่ละแบบจนคล่องและฝึกให้ครบทั้งสามสายครับ เมื่อฝึกดีดสายเปล่าทั้ง 3 สาย ตามโน๊ตจนคล่องแล้วมีวิธีฝึกเพิ่มคือฝึกดีดสลับสาย 1และ 2 ดั้งนี้ คือจะดีดลงทั้งสองสาย ล-ม-/ล-ม-/ล-ม-/ล-ม-/ ประมาณนี้ครับ และอีกอย่างคือ การดีดสลับขึ้นลง 3 ตัวโน๊ต หลักการฝึกคือ ลง ขึ้น ลง เริ่มจากสายสามครับ -มลม/-มลม/-มลม/-มลม
ภูมิปัญญาด้านการสูตรขวัญและพิธีการทางศาสนา
ปราชญ์ชาวบ้านด้านการสูตรขวัญและพิธีการทางศาสนา พ่อใหญ่เผย ไชยสัจ ชาวบ้านชุมชนเลิงนกทา สูตรขวนหลุ่มสูตรขวนเทิง สูตรขวนหลุ่ม สูตรขวนเทิง (สู่ขวัญลุ่ม สู่ขวัญเทิง) แท้จริงคือสูตรขวนน้อยนั่นเอง เป็น ธรรมเนียมที่ปฏิบัติไม่เหมือนกัน บางท้องที่ทำ บางท้องที่ไม่ทำ แท้จริงสูตรขวนหลุ่มสูตรขวนเทิงนี้ นิยมทำกันก่อนสู่ขวัญจริง (อาจใช้การทำวิดฟายทดแทนได้) ส่วนความหมายในการทำมีดังนี้ สูตรขวนหลุ่ม เป็นความเข้าใจของนักปราชญ์โบราณที่ต้องการอยากจะเรียกขวัญจาก จุดกำเนิดของผู้ที่มาจากสัตว์ดิรัจฉาน หรือมนุษย์มาเกิด ให้มาส่งเสริมอุปถัมภ์ให้มีความอยู่เย็น เป็นสุข อีกอย่างหนึ่งก็เป็นการอัญเชิญเทพเบื้องล่างมีแม่เจ้าธรณี ท้าวจตุโลกบาล และภุมเทวดา เป็นต้น มาให้พรแก่ผู้รับการสู่ขวัญ ในขณะเดียวกันก็เป็นการเสริมขวัญเบื้องล่างด้วย ที่ว่า "ขวัญ แข่งและขวัญขา ขวัญฝ่าตีนและตุ่มฆ้อง ฯลฯ" นั้น สูตรขวนเทิง เป็นการเรียกขวัญจากจุดกำเนิดของผู้รับการสู่ขวัญ ผู้ที่มาจากสวรรค์ เบื้องบนมาเกิดเป็นมนุษย์ ให้มาส่งเสริมอุปถัมภ์ ให้ผู้รับการสู่ขวัญนั้นอยู่เย็นเป็นสุข อีกอย่างหนึ่ง ก็เป็นการอัญเชิญเทพเจ้าเบื้องบนมาอวยชัยให้พรผู้รับการสู่ขวัญ ในขณะเดียวกันก็เป็นการเสริม ขวัญเบื้องบนด้วย ที่ว่า "ขวัญหูและขวัญตา ขวัญจอมผมและขวัญคิ้ว ฯลฯ" นั้น ให้พราหมณ์สวดคาถาสูตรขวนเทิง (บน) ตอนสั่งให้ผู้รับการสู่ขวัญจุดเทียนบนยอด พาขวัญ และพราหมณ์สวดคาถาสูตรขวนหลุ่ม (ล่าง) ตอนตนเอง (พราหมณ์) จุดธูปและเทียน ก่อนสูตรขวน จากนั้นจึงสูตรขวนหลุ่มเทิง (ล่างบน) และสูตรขวนจริงต่อไป คาถาสูตรขวัญเทิง (บน) นะโม เม พุทธะเตชะสา ระตะนัตตะยะธัมมิกา เตชะปะสิทธิปะสีเทวา ณารายะณะ ปะระเมศะวะรา สิทธิพรัมหมา จะ อินทา จะตุโลกา คัมภีระรักขะกา พรัมหมะ โลกะเทวา สัคคะ เทวา อากาสะเทวา สะทา รักขันตุ โว สัพพะโสตถี จะ ภะวันตุ โว คาถาสูตรขวัญลุ่ม (ล่าง) สัพพะพุทธานุภาเวนะ สัพพะธัมมานุภาเวนะ สัพพะสังฆานุภาเวนะ ตุยหัง สัพพะ โรคะ โสกุปัททะวะทุกขะ โทมะนัสสุปายาสา วินัสสันตุ สัพพะอันตะรายาปิ วินัสสันตุ สัพพะ สังกัปปา ตุยหัง สะมิชฌันตุ ทีฆายุตา ตุยหัง โหตุ สะตะวัสสะชีเวนะ สะมังคิโก โหตุ สัพพะทา อากาสะ ปัพพะตะวะนะภูมิคังคา มะหาสะมุททา อารักขะกา เทวะตา สะทา ตุมเห อะนุรักขันตุ บทสูตรขวัญลุ่มเทิง ศรี ศรี มื้อนี้แม่นมื้อดี ศรี ศรี วันนี้แม่นวันเฮ้าหมอเฒ่าว่าวันดี วันสิทธิ อะมุตตะโชค ตกแต่งพาขวัญ แล้วจึงได้สูตรเชิญขวัญว่า มาเยอ ขวัญเอย ขวัญ 32 ขวัญ ให้เจ้ามาเฮ้า 92 ขวัญ ให้เจ้ามาโฮมมาสู่สมในเนื้อ มาสืบเชื้อในคีง ผ้าผืนลายเฝือเจ้าก็มี เสื่อหลากเหลื่อมลายคำก็มี ของ กินนำคือไข่ต้มก็มี หมากส้มผลผลาก็มี เหล้ายาสุราและกล้วยอ้อยก็มี สังวาลสร้อยเครื่องธะรงก็มี แหวนธำมะโฮงสุดสอดก้อยก็มี ของเพิงใจมีหลายหลาก ทั้งเหมี่ยงหมากเคี้ยวแดง ๆ ทั้งมันแซง และมันอ้อน กล้วยอ้อยก้อนวางเป็นถัน น้ำมันจันทร์หอมลูบไล้ มีทั้งฮวดดอกไม้สุบเกล้าเกศา มีทั้ง ดวงมาลาหอมห่วงเฮ้า มีทั้งดอกคัดเค้าบานจูมจี ตกแต่งดีจึงได้เชิญขวัญเจ้า หมอเฒ่าเอิ้นจ้อย ๆ ขวัญน้อยให้ต่าวมา ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญหัวให้มาอยู่หัวอย่าละ ขวัญตาให้มาอยู่ตาอย่าพราก ขวัญปากให้มาอยู่ปากอย่าหนี ขวัญเกศีเกษเกล้า ตั้งแต่เท้าฮอด จอมผม จงมาชมของใหม่ ขวัญไหล่และตากลม มาเชยชมอยู่ในเนื้อ มาอยู่เฮื้อในคีง ทั้งขวัญตีน และขวัญมือ ขวัญสายบือ (สะดือ) และท้องน้อย อย่าคลาดคล้อยให้มาอยู่ประจำโต ว่ามาเยอ ขวัญเอย ขวัญนมให้มาอยู่นมสองเต้า ขวัญเกล้าให้มาอยู่เกล้าเกศา ขวัญขาให้มาอยู่ขาแหล่ง แหง่ง ขวัญแข่งให้มาอยู่แข่งละงอ ขวัญคอให้มาอยู่คอกลมป้อง ขวัญท้องและขวัญคาง ขวัญแอว บางคิ้วก่อง ขวัญทุกห้องในตนว่ามาเยอขวัญเอย ให้มาอยู่ในสกลกายตราบต่อเท่า อายุเจ้าได้ 5 พันวัสสา ก็ข้าเทอญฯ สะตะวัสสา จะ อายุ จะ ชีวะ สิทธิ ภะวันตุ เต สูตรขวัญลุ่มเทิง (ล่างบน) นี้ ถ้ามีเวลาน้อย ไม่ต้องสูตรขวัญเฉพาะอย่าง (ในอีก 20 ประเภท) ต่อก็ได้ เพราะนี้คือสูตรเหมือนกัน แต่เรียกว่า สูตรขวัญน้อย หรือสูตรขวัญย่อ หรือใน บางท้องถิ่นเรียกว่า สูตรขวัญลุ่มเทิง (ล่างบน) นั่นเอง ดังนั้น เมื่อจบสูตรขวัญนี้ ถ้ามีเวลาน้อย จะผูกแขนเลยก็ได้ แต่ถ้ามีเวลามากพอจะสูตรขวัญเฉพาะอย่าง ตรงกับลักษณะที่ต้องการในอีก 21 ประเภทต่อไป สู่ขวัญแต่งงาน รายละเอียดของการสู่ขวัญและคำสูตรขวัญ(สวดขวัญ)ประเภ ทต่างๆ ศรี ศรี มื้อนี้แม่นมื้อดี มื้อเศรษฐีอะมุตตะโชค โตกใบนี้แหม่นโตกไม้จันทน์ ขันอันนี้ แหม่นขันวิเศษ ผู้เหนือเกษป่อนลงมา เทวดาเอามาสู่ เอามาอยู่ในเคหา สองสามีภรรยาจักได้เกิด พระอินทรเปิดส่องพระแจ พระพรหมแลเผยพระโอษฐ์ ว่ามื้อนี้หายโทษทั้งมวล บรบวรทุกอย่าง ผู้เป็นช่างแต่งพาขวัญ มีทั้งมวนหมากเหมี่ยง พาขวัญเที่ยงใบศรี งามแสนดีเจ็ดชั้น แถนพ่อปั้น แต่งมานำ มีเงินคำพันไถ่ เอามาใส่พาขวัญ บรบวรถ่วนถี่ งามเอาหนี่จั่งเมืองแมน ฝ้ายผูกแขนห้อยระย้า มาจากฟ้าเมืองพรหม มาเชยชมสององค์อ่อน เข้าบ่อนนอนหมูน หมอน สองเนานอนแขนก่าย ทั้งสองฝ่ายตกลง สองอนงค์ลูกของแม่ มาแหนแห่เฮือนหอ โคตรวงศ์ ยอขันโตก ถึกโฉลกเหลือตา ยกลงมาตั้งใส่ ขันโตกใหญ่ทองคำ เพชรมานำพลอยต่อ นิลมาก่อ ประดับนำ เงินและคำเต็มถาด หลายแสนบาทสินดอง เอามาฮองตกแต่ง บ่ได้แบ่งปันไผ สองหัวใจ มาอยู่ฮ่วม มาอยู่ร่วมเป็นหนึ่งแผ่นทอง คนทั้งสองสมเผ่า เป็นคู่เก่านำมา สองขวัญตามาพบพ้อ จั่งให้พ่อมาขอ จั่งได้ยอขันหมาก ไขคำปากว่าตกลง สมประสงค์ทั้งสองฝ่าย เอาขาก่ายเมียแพง ผู้เป็นผัวอย่าแข็งคำเว้า เห็นพ่อเฒ่าแม่เฒ่าให้ยำเกรง ผู้เป็นเขยอย่าเสงเสียงปาก อย่า ไปถากคำจา คันไปไฮ่กะให้มา คันไปนากะให้ต่าว ฝั้นเชือกข่าวงัวควาย อยาตื่นสายลุกยาก อย่าได้ ปากเกินตัว ผู้เป็นผัวให้ฮักเมียจนแก่ ให้คือแม่ของโต อย่าพาโลเลาะบ้าน อย่าขี้คร้านนอนเว็น อย่า ไปเห็นสาวแก่ อย่าไปแก่กว่าวงศ์ อย่าไปโกงใส่โคตร อย่าเว้าโพดคันเห็น เฮ็ดบ่เป็นให้ถามไถ่ อย่า ไปใหญ่กว่าลุง อย่าไปสูงกว่าป้า อย่าไปด่าวงศ์วาน อย่าไปพาลพี่น้อง อย่าไปฟ้องซุมแซง ผู้เป็นเมียอย่าแข็งปากเว้า ตื่นแต่เช้าก่อนผัวโต อย่าเสียงโวสุยเสียด อย่าไปเคียดไววา คันไปไฮ่กะ ฮีบมา คันไปนากะฮีบต่าว เห็นผู้บ่าวอย่าแซนแลน แซนแลน ยินเสียงแคนอย่าไปฟ้อน อย่าไปย้อนใส่เสียง กลอง อย่าจองหองใส่ปู่ย่า อย่าไปด่าอาวอา คันไปมาให้คมเขี่ยม อย่าให้เสื่อม ซุมแซง อย่าไปแฮงฟืดฟาด อย่า ประมาทปู่ย่าโต อย่าไปโสความเก่า อย่าไปเล่าความเดิม อย่าไป เสริมผู้อื่น อย่าไปตื่นเสียงคน อย่าไปวนของ เผิ่น คันเผิ่นเอิ้นจั่งขาน คันเผิ่นวานจั่งส่อย ให้ไปค่อยมาค่อย เห็นโคตรเห็นวงศ์ อย่าไปโกงเถียงพ่อเถียงแม่ เห็นคนแก่ปากเว้าจาไข อย่าจัญไร ป้อยผีป้อยห่า อย่าไปด่าพี่น้องทั้งผัว อย่าเมามัวสุราเบี้ยโบก ยามขึ้นโคกหาฟืนหาตอง อย่าเสียงหองร้องเพลง แอ๋นแอ่น อย่าได้แล่นป๋าหมู่ป๋าฝูง คันเห็นลุงให้ว่ากะบาด อย่าได้ขาดความ เว้าขานไข ไปทางได๋อย่าได้ช้า คันเห็นป้าให้ว่าคือลุง อย่าหัวสูงไปหมอบมาหมอบ อย่าว่าปอบผีห่า ผีภู อย่าซูลูเอาของบ่อบอก อย่ากลับกลอกปู่ ย่าวงศา ยามไปมาให้วนเวียนแว่ ฮักคือพ่อคือแม่ปู่ย่า ของโต อย่าพาโลต๋อแหลหลอนหลอก อย่าไปบอกใช้สิ่งเอาของ ผิดูธรรมนองครองของลูกใภ้ กว่าสิได้ลูกเผิ่นมาแยง อย่าเว้าแข็งคำหวานโอนอ่อน ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญสองเจ้าให้มาถ่อนมาอยู่นำกัน อย่าไปปนคนธรรพ์ในป่า อย่าไป ท่าน้ำหลากไหลแฮง อย่าไปแยงผาชันพันยอด ว่ามาเยอขวัญเอย สองเจ้าจ่งมากอดเป็นมิ่งสาย แนน เอาสองแขนจับกันไว้แน่น ขวัญเจ้าแล่นไปไกล ขวัญเจ้าไปในป่า ขวัญเจ้าหนีลงท่าไปเฮือ ขวัญเจ้าไปเมืองเหนือและเมืองลุ่ม ขวัยเจ้าไปอยู่พุ่มเฟือยหนาม ขวัญเจ้าไปนาทามนาฮ่อง ขวัญ เจ้าไปหลงป่องทางมา ขวัญเจ้าไปตามหาสาวบ่าว ขวัญบ่ต่าวคืนมา ขวัญไปคาอยู่ในเงื้อม อยู่ใน เหลื่อมผาชัน กะให้มาสามื้อนี้วันนี้ ขวัญเจ้าไปอยู่ลี้เมืองหงสา ขวัญบ่มาอยู่พม่า ขวัญไปค้าอยู่เมาะลำเลิง ขวัญไปเหิงบ่ต่าว กะให้มาสามื้อนี้วันนี้ ขวัญเจ้าไปอยู่ถ้ำเมืองแกวไม้ล้มแบ่ง ขวัญเจ้าไปแห่งแห้งทางก้ำฝ่ายเขมร กะให้มาสามื้อนี้วันนี้ ขวัญเจ้าไปทางก้ำเมืองเชียงตุงจีนตาด ขวัญเจ้าไปชมตลาดกว้างกวางตุ้ง ให้ดุ่งมา ขวัญเจ้าไปหาค้นแพรลาย ๆ พายถงย่าม เห็นงาม ๆ อย่าได้ใกล้ไปแล้วให้ต่าวมา ว่ามา เยอขวัญเอย ขวัญเจ้าไปทางใต้เมืองสุไหงตัดท่ง เมืองเบตงอยู่หย่อน ๆ อย่านอนค้างให้ต่าวมา ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญแข่งให้เจ้าย่างลีลา ขวัญขาให้เจ้ามาลีล้าย ๆ มานอนนำอ้าย ผู้เป็นผัว มากินนัวจ้ำป่น ผัวพาก่นขุดตอ ผัวพายอเงินล้าน มาอยู่บ้านดอมกัน ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญสองเจ้าเฮ็วพะลันมาด่วน พากันชวนฮ่วมห้องนอนซ้อนหน่วยหมอน มาอยู่ซ้อนซอนห่มลม หนาว ว่ามาเยอขวัญเอย เมียนอนต่ำ ผัวให้นอนสูง เตียงไม้ยูงพ่อแม่แต่งไว้ เผิ่นแต่งให้ม่านใส่ทั้ง สอง หมอนมาฮองเฮียงกันเป็นคู่ เผิ่นให้อยู่นำกันอย่าหนี หลายนานปีจนแก่จนเฒ่า ขวัญหมู่เจ้าให้ แล่นมาเยอ ว่ามาเยอขวัญเอย มาอยู่เฮือนหลังใหญ่ เผิ่นปลูกใส่เป็นเฮือนหอ เผิ่นปลูกยอเป็นของ อ่อน ปลูกไว้ก่อนคอยบุตตา พากันมาอย่าชักช้า มาอยู่ห่มเฮือนงาม มาอยู่ผามหลังอาจ แม่ปูสาด ทั้งหมอนลาย ของกินหลายเหลือหลาก บ่อึดอยากแนวใด๋ ว่ามาเยอขวัญเอย มาไว ๆ มาหาพ่อ มาหาแม่ พวกเฒ่าแก่อาวอาเผิ่นกะมาคอยอยู่ มาฮอดปู่คอยหลาน ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญเจ้าไป อย่าอยู่นาน อย่าไปพาลกับหมู่ จงมาอยู่ดอมกัน จวงจันท์หอมตกแต่ง กาบบัวแบ่งอยู่ซอนลอน ตาออนซอนเตียงตั่ง มีบ่อนนั่งเซามีแฮง คอยจอมแพงสองหน่อ ปานแถนหล่อแถนลอ มาโฮงหอ อย่าได้ช้า ทั้งช้างม้าแลงัวควาย ตาเว็นสวยมันสิฮ้อน ให้มาก่อนอย่าไปไกล อย่าไปใสตาเว็นค่ำ ตกใต้ต่ำมัวเมา ว่ามาเยอขวัญเอย จงมาเซานำพ่อ จงมาก่อแบ่งสาน มาอยู่ซานอย่าห่าง อยู่ตะหล่าง เฮือนโต ว่ามาเยอขวัญเอย มาเชยชมในห้องเตียงทองบ่อนเผิ่นแต่ง สองจอมแพงให้ต่าวโค้ง มา ถ่อนอย่าสุนาน จงสำราญด้วยคาถาว่า อเนกเตโช ไชยะตุ ภะวัง ไชยะมังคะลัง สุขังพะลัง อาวาหะ วิวาโห สุมังคะโล โหตุ สาธุฯ คำผูกแขนแต่งงาน ผูกแขนฝ่ายชาย ศรี ศรี วันเดือนปีข้ามล่วงแล้ว จนลูกแก้วใหญ่สูง ฝูงป้าลุงและพ่อแม่ ทั้งเฒ่าแก่และตายาย มากันหลายพร่ำพร้อม มาโอบอ้อมจัดแต่งงาน ตามกาลเวลาแถน กำหนดไว้ แต่งแล้วให้ประพฤติธรรม จั่งสินำครอบครัวไปม้มฝั่ง ให้มีใจดุจดังแม่น้ำในนที อันมีคุณสมบัติ 4 ข้อ ข้อ 1. นั้น น้ำสะอาดบริสุทธิ์ คันแม่นเฮาลงมุด สะอาดดีโดยแท้ ข้อ 2. นั้น น้ำหากปรับโตได้ เป็นหยังได้ทุกอย่าง ฮูเล็ก ๆ น้อย ๆ ไหลเข้าได้สู่แจ ข้อ 3. นั้น น้ำหากเย็นแท้ แก้หอดหิวกระหาย กินลงไปหอดหิวหายจ้อย ข้อ 4. นั้น น้ำหากสามัคคีแท้รวมกันโดยง่าย เอามีดตัดซ๊วบแล้วประสานเข้าได้ ง่ายดาย ทั้ง 4 ข้อ ดีงามยอดยิ่ง ขอให้ใจพวกเจ้าคือน้ำจั่งแม่นครอง อุ อะ มุ มะ มูล มา มหา มูลมัง สะวาหุมฯ ผูกแขนฝ่ายหญิง โอมแม่คนดียอดแก้ว ผู้เลิศแล้วชื่อว่าแม่ธรณี เป็นผู้มีฤทธีอานุภาพ แม่ หากปราบพญามาร ได้ร่วมบุญสมภารของพระพุทธเจ้า มื้อพระเจ้าตรัสส่องสรญาณ ฮีดผม เป็นน้ำท่วมพญามารจมจุ่ม น้ำทุ่มท่วมมารล้มท่าวตาย อันหนึ่งนั้นแม่หากมีใจกว้างเปรียบแผ่นธรณี แม่นสิมีผู้ขี้ผู้ขุดผู้ก่น เหยี่ยวใส่พร้อม น้ำลายซ้ำถ่มแถม แม่บ่ได้เคียดคล้อยชังเกลียดคนใด ขอให้เจ้าคือแม่ธรณี จั่งสิเป็นคนดี ครอบครองสมบัติได้ จัตตาโร ธัมมา วัฑฒันติ อายุ วัณโณ สุขัง พะลังฯ สาธุ สู่ขวัญบ่าวสาว รายละเอียดของการสู่ขวัญและคำสูตรขวัญ(สวดขวัญ)ประเภ ทต่างๆ ศรี ศรี มื้อนี่แม่นมื้อดี เป็นดิถีก่อเกิด ว่าประเสริฐมุงคุล ว่าเป็นบุญน้อยหน่อ ใหญ่ถ่อ พ่อพอแฮ นุ่งผ้าแพรตกแต่ง หวีผมแบ่งกุมาร มีเฮือนซานให้ได้อยู่ ม้มจากอู่สายไหม เป็นทรามวัย อวนอ่อน แก้มใสส่อนนารี สาวผู้ดีไผอยากฮ่วม คนอยากร่วมเฮือนนอน คนออนซอนเหลือหลาก งามหน้าผากหูตา กิริยาโอนอ่อน งามทั้งง่อนเลาคิง สมเป็นหญิงคุณค่า ไผกะว่าเป็นนางแมน มา แต่แถนสมสู่ งามทั้งคู่ชายหญิง งามชายอิงมาแอบ งามหญิงแนบทั้งสอง มากินดองสมเผ่า พี่น้อง เล่าทั้งสองทาง ทั้งสาวนางและเจ้าบ่าว พี่น้องป่าวมาโฮม คุณมาชมพอหมื่น คนแตกตื่นมาโฮมงัน มารวมกันพอล้าน ไปกล่าวต้านโอมเอา ทั้งสองเฮาสมเผ่า เป็นบุญเก่าเฮาทั้งสอง จั่งมาครองเป็นคู่ ได้มาอยู่โฮมกัน อยู่หลายวันตกแต่ง แก้มแป่งแส่งนางแมน พระยาแถนจากฟ้า ส่งหน่อหล้าลงมา สอง ขวัญตามาพบพ้อ สองน้อยหน่ออินทร์แปลงไผ ได้แยงงามหยาดย้อย เป็นหน่อน้อยลูกพระพรหม พระบรมเผิ่นตกแต่ง เกิดคนแห่งมาเห็นกัน สายสัมพันธ์บุพเพสันนิวาส ลงมาจากเครือเขากาด พระอินทรา จ่องลงมา แท้แล แท้แล ลมมีดโกนให้พัดแว ลมมีดแถให้ฟัดห่าง ใบคนระหว่างทางไป ผู้หนึ่งได้ไปไกล อุดรขอนแก่น ผู้หนึ่งแล่นไปเถิงเมืองเป็งจาน ไปอยู่นานจนน้อยหนุ่ม โตเป็นพุ่ม ดกหนา มีปัญญางามสะอาด เครือเขากาดเลยเอาหนี ดนหลายปีสองอวนอ่อน เลยกลับบ่อนหวน มา ถืกซาตาหนีบ่ได้ จั่งได้ให้ผู้เฒ่ามาขอ จั่งได้ยอพาขวัญตกแต่ง แก้มแป่งแส่งจั่งได้นั่งอยู่สอนลอน -สอนลอน สองงามงอนจั่งได้คู่ สิได้อยู่เคียงหมอน สิได้นอนเตียงฮ่วม ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญเจ้าไปเที่ยวค้าแพรวาทั้งสิ้นหมี่ สาวผู้ดีอยู่ฝ่ายใต้ไทยลื้อให้แล่น มา ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญเจ้าไปชมชู้ทั้งภูเขียวภูเวียงฟ้าหย่อน ๆ อย่าไปนอนอยู่ค้างทางพุ้นให้ ด่วนมา ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญเจ้าไปแดนแม้ว เมืองแกวไม้ล้มแบ่ง บ่อนสีโคตรไล่ฆ่าช้างถือฆ้อน แก่ดึง ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญเจ้าไปชมช้อนนอนไพรป่าไม่ใหญ่ ขวัญเจ้าไปเที่ยวเล่นนะทีน้ำอยู่ อ่าวไทย ขวัญเจ้าไปทางพุ้นเกาะกวมบ่อนน้ำถั่ง บ่อนฝรั่งต่อสู้บู๋ม้างไล่ยิง ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญ เจ้าอย่าได้อยู่นำเขา ขวัญเจ้าอย่าได้ไปนำเผิ่น ขวัญเจ้าอย่าได้เปิ่นป๋าหนี ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญ เจ้าไปทางก้ำพนมเปญเขมรต่ำ อย่าไปนำหมู่แม้วแถวพุ้นให้ต่าวมา ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญเจ้าไป ทางก้ำเวียงจันทน์สัตนาค ขวัญเจ้าจากแม่เลี้ยงเฮียงซ้อนหมู่มอญ ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญเจ้าไปทางก้ำเชียงตุงแม้วน่าน ขวัญเจ้าไปสู่บ้านชาวม้งให้ส่งมา ขวัญเจ้าไปอยู่พุ้นเสียมราฐนครทม ขวัญไปชมนครวัดอย่าดนให้โงโค้ง ขวัญเจ้าลงไปก้ำแดนกุลา พายย่าม เมืองหงสาฝ่ายกุ้งให้มาถ้อนอย่าอยู่นาน ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญเจ้าไปยิงเนื้อเสือสาง องมั่ง ขวัญเจ้าไปไล่เก้งพานพร้อมให้ต่าวคืน ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญเจ้าไปทางพุ้นอินโดให้โงต่าว ไปเห็นบ่าวไปเห็นสาวปาเต๊ะพุ้นเซาถ่อนให้ด่วนมา ขวัญเจ้าไปทางพุ้นลังกาทวีปใหม่ เกาะสิงหล อยู่ใกล้ ๆ ไปแล้วให้ต่าวคืน ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญเจ้าไปทางพุ้นหิมาลัยป่าไม้ใหญ่ อย่าได้ไปผ่าน ด้าวดงพุ้นให้ด่วนมา ขวัญเจ้าไปทางพุ้นหนองกระแสสนหย่าน บ่อนจีนตาดไล่ฆ่าไทลื้อให้ต่าวคืน ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญเจ้าไปทางก้ำเชียงคานบ้านมันห่าง อย่าได้ไปอยู่ค้างทางก้ำด่านไกล ขวัญ เจ้าไปอยู่พุ้นให้เจ้าด่วนคืนมา ขวัญเจ้าไปหาปลาล่องทะเลอวนซ้อน ขวัญเจ้าไปนอนค้างกลางดง พงป่า ขวัญเจ้าไปเลาะเล่นเห็นแม้วกะเหรี่ยงดอย ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญเจ้าไปแดนพุ้นภูซุนภูส่อง ขวัญเจ้าไปล่องน้ำทะเลกว้างอ่าว กระแส ขวัญเจ้าไปอยู่พุ้นเมืองท่าสิงคโปร์ กะให้โงมาเฮือนอย่าหนีวันนี้ ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญเจ้า ไปชมห้องวิมานทองหิมวาส เห็นปราสาทใหญ่กว้างให้มาถ่อนอย่าสินอน ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญ เจ้าไปทางก้ำบุรีรัมย์ ศรีสะเกษ ขวัญไปชมประเทศพุ้นทางก้ำฝ่ายเขมร ขวัญเจ้าไปเห็นแล้วทั้งสอง คนให้กลับต่าว ให้เจ้ากลับฝั่งฟ้าวอาวป้าเพิ่นนั่งคอย ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญเจ้าไปอยู่ก้ำเมืองใหญ่ เวียงพิงค์ ขวัญไปอิงชมสาวบ่าวฮามทางนั้น ให้เจ้าผันผวนย้านไว ๆ อย่าสิอยู่ ขวัยเจ้าไปชมหมู่ไม้ ไทยใต้ผ่านไกล ไปฝ่ายใต้ให้กลับต่าวคืนมา ลุงอาวอาย่ายายทั้งน้ำ หลานเหลนหล่อนออนซอนมา แห่ ขวัญอย่าแลเปลี่ยนท้างทางดั้นให้ด่วนมา ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญเจ้าไปทางพุ้นเบตงลงใส่ ขวัญเจ้าไปเที่ยวค้าทางใต้ฝ่ายไกล เจ้า อย่าได้หลงอยู่สวนยาง อย่าหลงทางมาเฮือนบ่อนเชยชมช้อน ว่ามาเยอขวัญเอย แม่เจ้าตั้งเฮือน ใหญ่มุงหนา แม่เจ้าตั้งมุงหลังคาหลังใหม่ พ่อเจ้าไปเที่ยวซื้อเฮือนย้าวแต่งนำ ว่ามาเยอขวัญเอย พาขวัญตั้งจวงจันทน์ขันหมาก มีหลากล้นเหลือไว้ใส่พา เงินคำแก้วเต็มถังทั้งไถ่ ตกแต่งให้สองเจ้า คู่เคียง เตียงทองตั้งหมอนลายมัดหมี่ มีสู่เบื้องนาพร้อมสู่อัน ขันตักน้ำทั้งกระบวยค้างแอ่ง พ่อกับแม่ แต่งให้สองเจ้าบ่ไล เผิ่นแต่งไว้ถ้วยบ่วงโอขัน เงินคำมีสิ่งใด๋หาไว้ เชิญขวัญเจ้ามาเซาแนมส่อง มาสู่ ห้องเฮือนกว้างบ่อนเซา ให้หมู่เจ้าทุกอย่างของกิน ฟืนตองหลัวสู่แนวหาไว้ ไซหลังหล่าทำนาไถ คลาด สาดเสื่อพร้อมหมอนมุ้งสู่อัน ให้บ่ได้ตะวันส่องเดือนดาว มือซาวเถิงสิจ่องมาถวายเจ้า ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญแข่งให้มาอยู่แข่งลีลา ขวัญขาให้มาอยู่ขาลีล้าย ขาซ้ายก่ายขา ขวา ผัวเมียกันฮักห่อ คือผัวถ่อเมียพาย ไปทางใด๋ให้เจ้าบอก ให้เจ้าออกทางประตู อย่าซูลูเขยสะใภ้ ให้เจ้าได้บุตตรา คนตามมาบุตตรีออก คำสอนบอกจงจดจำ เอาพระธรรมมาซูส่อย ให้เจ้าค่อย ๆ อย่าเว้าแฮง สองจอมแพงให้ฮักเลิศ ให้ลูกเกิดมาชม ให้ได้สมใจว่า ให้มีค่าพอกือ ให้คนถือพอโกฏิ โทษฮ้ายอย่ามาพาน โทษหาญอย่ามาใกล้ ให้เจ้าได้เป็นเศรษฐี สองสามีภรรยาควรคู่ ให้เจ้าอยู่ ฮ้อยเอ็ดพันวัสสา ขออวยพรด้วยบาทพระคาถาว่า อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง สาธุ คำผูกแขนบ่าว ขันติโก เมตะวา ลาภี ยะสะสี สุขะสีละวาปิโย เทวะมะนุสสานัง มะนาโป โหติ ขันติโก ฝ้ายอันนี้บ่อแม่นฝ้ายเมืองคน พระอินทร์โยนมาแต่ฟากฟ้า เผิ่นบอกว่าผูก แขนชาย ผู้เป็นนายของหมู่ ทุกคนอยู่ในครอบครัว หวังเผิ่งผัวผู้ออกหน้า เจ้าอย่าได้ตามหลังเมีย เฮ็ดเอียเคีย เอียเคียคือผู้แม่ ชายบ่แท้ครอบครัวจน ให้เจ้าเป็นคนชายแท้ ให้ผาบแพ้ทุกประการ ใจห้าวหาญคือจอมปราชญ์ สร้างเคหาสน์ให้ฮุ่งเฮือง สิบหัวเมืองมาช่วยค้ำ ทุกค่ำเช้าให้เจ้าอยู่ สวัสดี เป็นเศรษฐีบ่ไฮ้ ให้เจ้าได้ดังคำปรารถนา ชะยะสิทธิ ชะยะสิทธิ ชะยะสิทธิ ธะนัง ลาภัง อุ อะ มุ มะ มูลมา มะหามูลมัง สะวาหุมฯ คำผูกแขนสาว สะขี ภะริยา สะทา โหตุ สัพพะ โภคา จะระตะนา สัพพะทา ภะวันตุ โว ฝ้ายอันนี้แม่นฝ้ายอินทร์แปลง เผิ่นแบ่งมาแต่ภูเขากาด เอามาพาดแขนเจ้าทั้งสอง สมบัตินองไหลมาบ่อขาด อย่าประมาทชายที่เป็นผัว ให้เกรงกลัวคือพ่อคือแม่ อย่าข้องแหว่ชายอื่น บ่ดี หน้าที่มีให้เจ้าตกให้แต่ง ให้เจ้าแต่งภาชน์แลงภาชน์งาย อย่าเบิ่งดายนิสัยขี้คร้าน ให้ชาวบ้าน ติฉินนินทา สมบัติมาหนีไปเหมิดจ้อย ให้เจ้าค่อยสู้อดสู้ทน อยู่บ่ดนเจ้าสิเฮืองสิฮุ่ง ให้เจ้าเฮืองฮุ่ง คือแสงตาเว็น เคราะห์อย่าได้เห็น เข็ญอย่าได้พ้อ ให้มีอายุมั่นขวัญยืน ฮ้อยขวบ สู่ขวัญข้าว รายละเอียดของการสู่ขวัญและคำสูตรขวัญ(สวดขวัญ)ประเภ ทต่างๆ รายละเอียดของการสู่ขวัญและคำสูตรขวัญ(สวดขวัญ)ประเภ ทต่างๆ ศรี ศรี วันนี้แม่นวันดี วันเศรษฐีอมุตโชค วันชาวโลกชื่นชม วันพระบรมกุกุสันโธทนะ ลงมาเกิด ลงมาเปิดโลกา พระสัตถาผู้ก่อ ตั้งแต่หน่ออรหันต์ มารวมกันอยู่ในโลก จั่งเป็นโชคปฐพี ท่านเศรษฐีปลูกข้าว เอาใส่เล้าในฉาง ยังมีนางหน่อนารถ ผู้ฉลาดเมืองคน ชื่อว่าสาวหน้ามนคิ้วก่อง คิงกลมค่องนางแมน เป็นลูกแถนลงป่อน มาอยู่บ่อนพาราณสี เป็นนารีผุดผาด อยู่ปราสาทสามหลัง ไผได้ฟังชมชื่น ดีล้นหลื่นคนทั้งหลาย ปานเดือนหงายผิวผ่อง คิงกะค่องงามงอน ตาออนซอนนวย นาด ผิวพรรณคาดเครื่องไพฑูรย์ คนมีบุญมาสู่ มีนามอยู่ว่าโภสพ คอคางจบคิ่วก่อง แขนขาค่อง ปานมะที สาวเศรษฐีหยาดย้อย คิดค้อยๆ อยู่ในใจ ไผสิไปนำเอาข้าว พระพ่อเจ้าโกรธา ตามไปหา บ่พ้อ จั่งให้น้อยหน่อนารี ไปขอพรพระฤาษีอยู่ในถ้ำ จั่งลุก้ามในผา จั่งได้มาเมล็ดข้าว จั่งได้เว้าต่อ กันมา มีผญาปัญญาล้ำเลิศ คนจั่งเกิดมาหลาย คนบ่ตายเพราะมีข้าว จั่งได้เป็นพระพุทะเจ้ากุกุ เพราะบุญชูถวายบาท จั่งฉลาดคนเฮา ว่ามาเยอขวัญเอย ทั้งข้าวจ้าวและข้าวเหนียว เจ้าอย่าเหลียวไปทางอื่น เจ้าอย่าตื่นไปไส อย่าไปไกลจากต่า เจ้าอย่าว่าคนมายี เจ้าอย่าว่าคนมาสีมาตำมาเหยียบ เจ้าอย่าเปรียบเป็นดิน ดอน คนออนซอนบ่อึดอยาก คนเหลือหลากในโลกา เชิญเจ้ามาอยู่ในเล้า คนกินเจ้าโภชนา แม่น มีผลากะบ่แล้ว แม่นมีแก้วกะบ่เอา คนมาเซาช้องส่อ ออนซอนหน่อโภชนัง กินอี่หยังบ่ท่อเจ้า บ่ท่อ ข้าวขาวๆ ใหญ่เป็นสาวและเป็นบ่าว เขาบอกกล่าวกันมา ข้าวอยู่นาเอาใส่เล้า เขาเอาเจ้ามานอน เฮือน เป็นปีเดือนได้เลี้ยงลูก เอาข้าวปลูกฮอดข้าวปัดลาน เป็นข้าวสารอยู่ในต่า เอามาหม่านึ่งหวด ลายสอง หอมฮองๆ หื่นเฮ้า จั่งเอาเจ้าเลี้ยงพระเถรา จั่งเอามาทำบุญตักบาตร บ่ได้ขาดพระตะถา คะตา มีปัญญาคนได้กินข้าว คุณของเจ้าเหลือแผ่นสุธา เหลือธาราสมุทรแม่น้ำ คนทุกก้ำจึงแข็งแรง คนมีแฮงกินข้าวท่านบอก ของอยู่นอกบ่แม่นคนเฮา เขากะเอาหมู หมาเป็ดไก่ เขาเอาใส่ฮำแกลบโฮยดิน สัตว์เก็บกินตามมีตามเกิด แสนประเสริฐกว่าสิ่งทั้งปวง ยาม เป็นฮวงเขาเก็บเขาเกี่ยว ยามเจ้าเหี่ยวเป็นเฟืองใบเหลือง เอามาเถียงมัดไว้บ่แตก บ่ได้แจกไปใส มาใส คือดั่งใจมุงเฮือนกะได้ เถียงหลังใหญ่มุงเฟืองเกินหนา อยู่เถียงนาอาศัยบ่ขาด บ่ประมาท คุณโภชะนัง เอามาวางใส่เล้าเต็มอั่ง จั่งได้นั่งว่ามุมะมูลมา ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญเจ้านอนอยู่ท่ง นำเขียดจานา ขวัญบ่มาไปนำเขียดโม้ อย่าอ้าวโอ่นำหมู่ปูทาม ว่ามาเยอขวัญเอย นางข้าวจ้าวทั้ง นางข้าวเหนียว ก็ให้มาสามื้อนี้วันนี้ ต้นเขียวๆ ข้าวก่ำต้นบ่ต่ำข้าวดอ เกินงามนอนั้นเป็นข้าวงวง ช้าง ดำสับหว่างนั้นแม่นข้าวมันปู งามปูลูนั้นแม่นข้าวใหญ่ เขาดำใส่นาทาม เกินเผิ่นงามดำเลาะ ฮ่อง ฮวงเผิ่นก่องเป็นพวง ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญเจ้านอนอยู่ท่งนำฮู นอนนำปูทั้งจี่หล่อ เชิญน้อยหน่อมาอยู่ฉาง เชิญคำนางมาอยู่เล้า เจ้าอย่าเศร้าเสียศรี ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญเจ้าตกอยู่น้ำในตม ขวัญเจ้าชม อยู่ไฮ่ ขวัญข้าวใหญ่ข้าวปลาเข็ง อย่าไปเส็งนำหมู่ อย่าไปอยู่นำปลา อย่าอยู่นาแดดฮ้อน ให้เจ้า ย้อนโงมา ให้เจ้าหวิดปากปลา ให้เจ้ามาไวว่อง อย่าอยู่ฮ่องนำทาม ให้เจ้างามมาอยู่ มารวมหมู่ นำกัน ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญเจ้าไปทางก้ำดินดำน้ำก่ำ ขวัญเจ้านำหมู่ม้า กุลาพุ้นให้ต่าวมา ว่า มาเยอขวัญเอย นกกะจิบเขาสิตอด พวกนกขอดสิคาบหนี ถึงเดือนปีจั่งออกจากเล้า สิเอาเจ้าหว่าน นาทาม เจ้าสิงามกว่าเก่า เอาไปไว้นาเหล่าดงดอน คนออนซอนต้นก่อง เอาไปใส่นาฮ่องปลายทาง เอาเจ้ามาเป็นข้าวเปลือก ให้เจ้าได้เลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน ได้กินทานสืบต่อ เป็นน้อยหน่อศาสนา ให้ เจ้ามามื้อนี้วันนี้ มาอยู่ในฉางมาอยู่ทางเล้าใหญ่ เบิ่งคางไก่สูตรแล้วงามหลาย คางไก่หวายโตลาย โค้งโน้ง คางมันก่งคือเกี่ยวเหล็กแหลม ตาเฮาแนมฝนดีปีหน้า หมอสูตรว่าพราหมณ์สวดขวัญมา เป็นราคาข้าวเหนียวข้าวจ้าว จั่งบอก กล่าว อุอะ มูล มา โภชะนา พิชาคะมัง สาธุ เสกน้ำประพรมข้าวหลังสู่ขวัญ อมแม่เจ้าโภสพผู้เป็นขวัญข้าว เก็บมาใส่เล้าใส่เยีย ลูกหลานกินทานเสียบ่ขาด บ่ได้ ประมาทคุณแม่โภสพ เผิ่นเสกมนต์เรียกข้าว เผิ่นเอิ้นแม่เจ้าไปอยู่เล้าอยู่เยีย ให้แม่เจ้าอุดหูไว้ อย่าฟังเสียง อย่าได้ฟังสำเนียงของโจรลักข้าว ให้แม่เจ้าขับไล่มันหนี ขอให้ข้าวเฮาอยู่สวัสดี กินอย่าได้บก จกบ่ให้ลง ด้วยบาทพระคาถาว่า มา ขะโย มา วะโย สัพพะกาลัง นะขียันติ สาธุ สู่ขวัญนา ว่า ศรี ศรี วันนี้เป็นวันดี วันเศรษฐีเฒ่านกเอี้ยง เผิ่นได้เสี่ยงทำนายฝัน อยู่หลายวันเผิ่น ฝันหลาก เผิ่นจั่งฝากแม่ธรณี เผิ่นฝันดีบ่ตกยาก บ่ลำบากการทำนา พสุธาเก้าพันไฮ่ เผิ่นได้ใส่ข้าว สาลี ธรณีให้เลี้ยงโลก ให้มีโชคการทำนา แต่เดิมดากกเค้า คราวพระเจ้าพุทธโคดม พระบรมได้ ห้ามญาติ เผิ่นประกาศแบ่งเป็นตอน ตาออนซอนให้ถึกต้อง พวกพี่น้องนาหลุ่มและนาบ๋า พากันมา ยาดเอาน้ำ สองฝ่ายก้ำเมืองกบิล พอได้ยินเผยพระโอษฐ์ ให้ละโกรธและความหลง พระภุชงค์จึงได้ เทศน์ จั่งแบ่งเขตเป็นคันนา แบ่งกันมาขุดเป็นฮ่อง ให้เป็นป่องวารี ให้ได้มีทั้งสองฝ่าย น้ำไหลก่าย ไปเนืองนอง จั่งจับจองแบ่งกันใหม่ ป้านคันใหญ่เป็นไฮ่นา จั่งถือมาฮอดมื้อนี้ พระจั่งซี้ตาออนซอน ผ้าจีวรครองบ่า ตำราว่าคือตานา องค์พระศาสดาตรัสบอก ให้แบ่งออกเป็นตา เป็นไฮ่นาทั่วผืนผ้า ฮอดสังฆาฏิพาดบ่าภิกษุสงฆ์ พุทธองค์บัญญัติบอก ห้ามตัดอกพระวินัย เอาไปไสกะให้อยู่ ให้คือ หมู่พุทธา ท่านจั่งว่าเป็นไฮ่นา บาดนี้มาสิไถหว่าน สิได้ผ่านคองไถ มาเร็วไวกราบบาท บ่ได้ขาดฟ้า ใหม่ลงหนอง เสียงเนืองนองอึ่งอ่าง อยู่ใต้หล่างควายบักคูณ เบิ่งเผิ่นสูนฟืนฟาด เคาบ่ขาดสนดัง ปานสิพังเผิ่นห่าว ฟ้าวฝั่นข่าวเตรียมไถ ฝนตกไหลน้ำอั่ง ฝนไหลหลั่งตกลงมา เต็มไฮ่นาน้ำใหม่ กบเขียดไข่ปูปลา น้ำไฮ่นาล้นหลาก หลายเหลือมากเนืองนอง แสงกะบองออกจับเขียด ท่วมนา เอือดและนาทาม นาไผงามได้ใส่ฝุ่น ได้หลกฮุ่นฝักพีพวย ยามฝนฮวยเดือนหกออกใหม่ จับเอาใกล้ เฮือนไผเฮือนมัน ใบรวมโฮมกันเลี้ยงเจ้าปู่ เฒ่าจ้ำอยู่พิจารณา คางไก่มาแก๋ออก จั่งได้บอกลูก หลาน คางไก่ยานยาวโค้ง ฝนสิส่งปลายปี ฝนสิดีหลากหล้า น้ำอยู่ฟ้าเหลือหลาย แล้วระบายคางไก่ อีก เอามือฉีกออกมานำ จ่มมำๆ ชี้แก่แด่ เบิ่งหั่นแน่ดีคือกัน พอฮอดวันว่าตาแฮก เขากะแบกเอาไถ เอาลงไปเขยใหม่ เอาใจใส่ไถนาดี เอาแส่ตีควายบักด่อน ย่างออกก่อนว่าฮือ-ฮือ มือหนึ่งถือกำเชือก มือหนึ่งเถือกกำคันไถ ควายย่างไปว่าฮือฮ่อง-ฮือฮ่อง ดันหลังก่องก้อนขี้ไถ ขออภัยนำแม่เจ้า สิเฮ็ดข้าวทำนา ขอขะมาพระแม่ ยามลูกแก่ไถไป ยามไถไวอย่าได้ พลาด ยามหลานคลาดอย่าโกรธา หลานทำนาหมายตักบาตร บ่ได้ขาดกินทาน ขอสมภารแก่กล้า พวกตูข้าทำนากิน ยามฝนรินบ่ได้อยู่ ทำเป็นหมู่นาดี มาหลายปีแต่พร้อมโลก นับว่าโชคได้นาหนอง ปานได้ทองสามเส้า ปานได้ข้าวพันเล่มเกวียน เฮ็ดหมุนเวียนบ่ได้ขาด ขอพระบาทแม่เจ้าธรณี อย่าได้มีใจตื่น อย่าแตกตื่นไปใส ขออภัยนำเจ้าแม่ ให้ได้แต่โภชนา ให้ได้มาทั้งข้าวเหนียวและข้าว จ้าว ข้าวช้างน้าว ทั้งข้าวขาว ข้างต้นยาวหอมอ่อน ให้ได้ป่อนทานัง ให้ได้ฝังข้าวบักหม่วย งามป่วย ล่วยข้าวงาช้างแลข้าวดอ เต็มในทอนั่นแม่นข้าวอีก่ำ ได้กินหน่ำนั่นแม่นข้าวสามเดือน ให้เต็มเฮือน อย่าเขินขาด สายน้ำไหลหลากเนืองนอง เดือนสิบสองให้ได้กินได้เกี่ยว ฮวงอย่าเหี่ยวสุกงอม ทั้งข้าว หอมเฮ็ดข้าวเม่า ให้เต็มเล้าสิได้กินได้ทาน เป็นข้าวสารเต็มไถ่ เลี้ยงคนใหญ่ทั้งโลกา มีนาเหนือ และนาใต้ นาท่งใหญ่มีหนอง ปลาเนืองนองดุกค่อ นามูลพ่อนาเซและนาห้วย ให้ได้ช่วยชูนำ พระ จอมธรรม์ฉันยามเช้า ถวายข้าวสังฆทาน เลี้ยงลูกหลานบ่ได้ขาด เม็ดข้าวอาจงามหลาย เหลือกิน ขายเงินอั่ง บ่ได้นั่งงอมือ เอาเกี่ยวถือก๋อเกี่ยว ข้าวบ่เหี่ยวงามดี ข้าวนาปีได้หลายหาบ ผู้ข้าขาบแม่ธรณี อยู่ในน้ำให้มีปลา อยู่ในนาให้มีข้าว ขอแม่เจ้าจงอิดู ลูกหลานดู๋บนแม่ บาท เอาใส่ถาดเมี่ยงหมากและพาหวาน ของกินทานทั้งตาแฮก เอามาแจกผู้รักษา เจ้าจงมารับเอา สามื้อนี้วันนี้ ให้กอถี่ลำงาม อยู่นาทามและนาโคก ให้มีโชคเหลือตา ข้าวเต็มนาเหลืองอร่าม ว่ามา เยอขวัญเอย ให้เจ้ามาทั้งขวัญนาและขวัญข้าว ขวัญแม่เจ้าธรณี เจ้าจงมารวมอยู่ มาเป็นหมู่ให้ลูก ให้หลาน ให้ได้กินได้ทานอย่าให้ขาด อย่าได้เขินเป็นหาด อย่าได้ขาดเป็นวัง อย่าได้พังเพห่าง อย่า ได้ว่างเว้นหนี ให้ข้าวฮวงยาวพอศอก ให้ต้นข้าวสูงออกพอวา ให้เต็มนาท่งใหญ่ สัตว์น้อยใหญ่อย่า ได้มาราวี นกตัวดีอย่าบินผ่าน นกจาบปากก่านอย่ามาวน ขอให้ได้เลี้ยงลูกหลาน ตราบต่อเท่าอายุ เข้าห้าพันวัสสาก็ข้าเทอญฯ ภะ สะ ภะ โภชะนัง มะหาลาภัง สุขัง โหตุ สาธุ คาถาเสกน้ำรดนา หลังจากสูตรขวัญนาแล้ว ให้ทำน้ำมนต์รดนา คาถาว่า ดังนี้ 1. ว่า นะโม ตัสสะ ฯลฯ สัมมา สัมพุทธัสสะ 3 จบ 2. ว่า ไตรสรณะคม พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระนัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ทุติยัมปิฯลฯ ตะติยัมปิฯลฯ ว่าเหมือนเดิม 3. นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง พุทโธ เม สะระณัง วะรัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เต ชะยะมัง คะลัง นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง ธัมโม เม สะระณัง วะรัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เต ชะยะมัง คะลัง นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง สังโฆ เม สะระณัง วะรัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เต ชะยะมัง คะลัง สักกัตตะวา พุทธะระตะนัง โอสะถัง อุตตะมัง วะรัง หิตัง เทวะมนุสสานัง พุทธะเตเชนะ โสตถินา นัสสันตุปัททะวา สัพเพ ทุกขา วูปะสะเมนตุ เต 4. สักกัตตะวา
ภูมิปัญญาด้านการร้องสรภัญญะ
ปราชญ์ชาวบ้านด้านการร้องสรภัญญะ คุณยายลอนดาว สมคะเณย์ ชาวบ้านชุมชนร่วมมิตรสัมพันธ์ บทสรภัญญะ คุณบิดามารดา ข้าขอกราบไหว้คุณท่านบิดาและมารดา เลี้ยงลูกเฝ้ารักษาแต่คลอดมาจึงเป็นคน แสนยากลำบากกายไม่คิดยากลำบากตน ในใจให้กังวลอยู่ด้วยลูกทุกเวลา ยามกินถ้าลูกร้องก็ต้องวางวิ่งมาหา ยามนอนไม่เต็มตาพอลูกร้องก็ต้องดู กลัวเหลือบยุงและไรมดจะกวนกัดรีบอุ้มชู อดกินอดนอนสู้ทนลำบากหนักไม่เบา คุณพ่อแม่มากนักเปรียบน้ำหนักยิ่งภูเขา แผ่นดินทั้งหมดเอามาเปรียบคุณไม่เท่าทัน เหลือที่จะแทนคุณของท่านนั้นใหญ่อนันต์ เว้นไว้แต่เรียนธรรมเอามาสอนพอผ่อนคุณ สอนพระธรรมที่จริงให้รู้ไม่เที่ยงไว้เป็นทุน แล้วจึงแสดงคุณให้เห็นจริงตามธรรมดา นั่นแหละจึงนับได้ว่าสนองซึ่งคุณนา ใช้ค่าข้าวป้อนมาและน้ำนมที่กลืนกิน แทนคุณประการอื่นร้อยพันหมื่นเป็นอาจิน อย่างไรก็ไม่สิ้นพระคุณท่านอนันต์เอย ฯ
ภูมิปัญญาด้้านจิตรกรรม การแทงหยวกกล้วย
ปราชญ์ชาวบ้านการแทงหยวกกล้วย และการทำปราสาทผึ้ง นายบุญหลาย จากผา ชาวบ้านชุมชนเลิงนกทา การแทงหยวกกล้วย เครื่องมือหรือวัสดุที่นำมาใช้ในการแทงหยวกกล้วยที่ว่านี้สิ่งที่จะขาดไม่ได้นั้นก็คือ ต้นกล้วย ต้นกล้วยที่เราใช้จะเป็นกล้วยตานี ซึ่งกล้วยตานีที่อาจารย์ใช้เขาจะเรียกกันว่า กล้วยตานีหม้อหรือว่ากล้วยตานีสวน เนื่องจากว่ากล้วยตานีหม้อหรือกล้วยตานีสวนเขาจะปลูกในที่ร่ม ก็เหมือนกับว่าวัสดุที่อยู่ในหม้อหรือเก็บในภาชนะที่มันไม่โดดแดดก็จะขาว สวย กล้วยตานีนี้ก็เหมือนกันปลูกอยู่ในร่มมันก็จะสวยงาม ซึ่งอาจารย์จะไม่ใช้กล้วยตานีป่า จริง ๆ แล้วก็สามารถใช้ได้แต่ว่าทำไมไม่ใช้ ก็เพราะกล้วยตานีป่าจะแข็งและกล้วยตานี ป่าเหมือนโดดแดดโดยลม ก็จะมีผิวไม่สวย เพราะต้องทนแดดจนกร้าน จะส่งผลต่อการทำงาน เนื่องจากผิวจะแข็ง ทำให้แกะยาก เวลาที่จะแทงหยวกก็จะค่อนข้างยาก ซึ่งกล้วย ตานีหม้อหรือกล้วยตานีสวนก็ต้องเป็นกล้วยตานีที่ปลูกในพื้นที่ชุ่มน้ำ เป็นที่ที่จะต้องมีน้ำแช่ท่วมถึง คือไม่ถึงกับเน่า โดยให้มีน้ำหล่อเลี้ยงไว้เพราะว่ากล้วยตานีมันจะดูดน้ำขึ้นไป จึงทำให้เวลาการทำงานหรือการเผาจะเหี่ยวเฉาได้ยาก ซึ่งจะต้องเอามาจากต้นกล้วยและก็ต้องมีใบกล้วย ส่วนอุปกรณ์ในการประดับก็จะประกอบด้วย มีดแทงหยวก มีดปาดหยวก และก็อีกสิ่งหนึ่งที่น่าเสียดายอย่างยิ่งก็คือ ตอนนี้เราหาก้านลานยากมาก ก้านลานคือ เป็นคล้าย ๆ เหมือนตอกยาว ๆ เอาไว้สำหรับใช้เย็บติดกันระหว่าง ที่เขาเรียกว่าเย็บติดแผง หยวก ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่าร้านลานทองที่บางลำพูที่ไปซื้อในตอนนี้เขาบอกว่าไม่มีอีกแล้ว และร้านนี้ก็กำลังจะเลิกกิจการแล้วด้วย ที่ขายอยู่ในปัจจุบันนี้ก็คือ เอาของเก่ามาขาย ถ้าหมดเมื่อไร ร้านนี้ก็จะปรับเป็นพิพิธภัณฑ์ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะไปใช้อะไรแทน เครื่องมือก็เริ่มหายลง ตอนนี้ก็ต้องมาใช้ไม้กลัด คล้าย ๆ ไม้เสียบลูกชิ้น มาปักแทน และการเย็บ การ เย็บตรึงก็อาจจะไม่แน่นเหมือนในอดีต และอีกบางส่วนก็ใช้คล้ายไม่ไผ่มาผ่าเป็นไม้ตอก เป็นตอกยาว ๆ รวมใช้อยู่ด้วย นี่คือวัสดุเย็บตรึง และก็มีฆ้อน เลื่อย สำหรับตัด สำหรับตอก วัสดุในการตกแต่งก็อาจจะเป็นพวกเครื่องสด คือ มะละกอ ฟักทอง หรือพืชผักผลไม้ที่สามารถนำมาใช้ได้ ตอนนี้พวกพืชผักผลไม้เมื่อแกะสลักเสร็จในอดีตที่ผ่านมาเขาจะ ต้องมีการระบายสีเพื่อให้เกิดความสวยงาน ก็ต้องมีอุปกรณ์ในการระบายสี อย่างเช่น พวกสีหรือว่าสีโปสเตอร์ หรือว่าเป็นสีย้อมผลไม้ เมื่อต้องการย้อมดอกไม้ให้มีความสวยงาม แบบธรรมชาติ อุปกรณ์อีกประเภทหนึ่งก็คือ อุปกรณ์ในการแกะสลัก ประเภทมีดต่าง ๆ มีดแกะสลัก มีด 2 คม เครื่องปั้มลาย ก็คือประเภทงานแทงหยวก ประเภทที่ต้องการทำ เครื่องถม ซึ่งก็ต้องมีการปั้มลายขึ้นมา และก็มีกระดาษสีที่เรียกว่ากระดาษอังกฤษ เพื่อต้องการจะไว้ซับลวดลายให้เกิดลายขึ้นมา นี่คือคร่าว ๆ แต่วัสดุโดยส่วนใหญ่ถ้าเป็นวัสดุใน การแกะสลักจะเป็นวัสดุที่ช่างคิดทำกันขึ้นมาเอง อย่างเช่น ถ้าเราจะแกะเกสรดอกไม้ให้เป็นเส้นยาว ๆ ถ้าเป็นช่างผู้หญิงเขาอาจจะใช้มีด แต่ว่าอาจารย์จะใช้เส้นที่เขาเรียกว่า ก้านร่มนำมาตอกทำเป็นปากฉลาม แล้วก็สอดลงไป โดยกดลงไปจะได้เส้นยาวออกมาทีเดียว จะทำให้ได้เส้นเกสรหนึ่งเส้นเลย และใช้กระบอกไฟฉายมาทำกลีบดอกไม้ หรือ สมมุติว่าต้องการจะแกะมังกร คือทำเป็นเกล็ดมังกร เกล็ดพญานาค ก็จะเห็นว่าวัสดุพวกนี้สามารถหาได้ คือช่างผู้ชายเขาจะหาวัสดุที่มาทดแทนกันได้ง่ายกว่าช่างผู้หญิง และก็ เป็นของใกล้ตัวที่มีอยู่ในบ้าน จะเห็นได้ว่าคนที่มีความรักในงานศิลปก็สามารถจะปรับประยุกต์สิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นมาทำให้เกิดผลงานทางศิลปะได้ ถ้าเราดูกันจริง ๆ วัสดุอุปกร์ ที่ช่างเขาทำขึ้นมาทำไมจะต้องคิดเอง ทำเอง เพราะเนื่องจากงานที่ทำมันขึ้นอยู่กับเวลาแข่งกับเวลา ฉะนั้นจะทำอย่างไรให้งานออกมาให้เร็วที่สุดโดยเราจะต้องมีวัสดุมาช่วย ถือ ว่าเป็นการใช้ความคิดสร้างสรรค์อยู่ตลอดเวลา
ทำนาหว่านตม

ปลาส้ม

นวดแผนไทย

พิณ หรือ ซุง

แทงหยวกกล้วย

สูตรขวัญ บายศรี